

เจอการ์ตูนใน Facebook รู้สึกดีก็เลย และขอเขียนเพิ่มเติม จากความเข้าใจของตัวเอง ณ เวลานี้ อาจจะผิดก็ได้นะ เป็นความเข้าใจส่วนตัว หลังจากเริ่มสนใจการเจริญสติ มาได้ประมาณ 4 เดือน
"กิเลสคนเรา สามารถสะสมได้ตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน การที่เราได้ยินธรรมะจากพระผู้รู้ทั้งหลาย ไม่ได้ทำให้กิเลสของเราลดลงจนชนะ กิเลสที่เราสะสมได้หรอก แต่สิ่งที่เราจะละลดกิเลสเหล่านี้ได้ต้องมาจากฝึกฝนใจ(จิต)ของเราเท่านั้น เปรียบเหมือนเราจะไปแข่งตีเทนนิส เราได้แต่ดูการตีของนักเทนนิสชั้นนำ จำเคล็ดลับมาได้ทุกกระบวนท่า แต่เราไม่เคยฝึกซ้อมเลย แล้วถ้าแข่งจริง เราน่าจะรู้ผลการแข่งขันได้...
ขอยกตัวอย่างเช่น อิทธิบาท 4 หรือหลักธรรมอันเป็นหลักแห่งความสำเร็จ
ฉันทะ : รักงาน (การเห็นคุณค่า ความรัก ความพอใจ)
วิริยะ : สู้งาน (ความเพียร เห็นเป็นความท้าทาย ใจสู้ ขยัน)
จิตตะ : ใส่ใจงาน (ความคิด อุทิศตัวต่องาน ใจจดจ่อ จริงจัง)
วิมังสา : ทำงานด้วยปัญญา (ไตร่ตรอง พิสูจน์ ทดสอบ ตรวจตรา ปรับปรุงแก้ไข)
จากตัวอย่างข้างบน ถ้าอ่านแล้วคิดก็จะรู้ว่าใช่เลย แต่ถ้าถามว่าแล้วจะทำอย่างไรล่ะ เช่น วิริยะ(สู้งาน) แต่ใจเราขี้เกียจขึ้นมาละ เราจะยังสู้งานอยู่หรือปล่าว หรือ จิตตะ(ใส่ใจงาน) แต่ถ้าใจเรากำลังอกหักอยู่ละ เราจะยังใ่ส่ใจในงานอยู่หรือปล่าว ถ้าใจ(จิต)ที่ไม่ได้ผ่านการฝึกฝนที่จะรู้ทัน กิเลสจาก ความขี้เกียจ ความหดหู่ ความสิ้นหวัง ฯลฯ ของใจ(จิต)แล้ว อิทธิบาท 4 จะไม่เกิดขึ้นได้อย่างไร
เรามาเริ่มฝึกตามรู้ทันใจ(จิต)ของเราเสียตั้งแต่วันนี้ โดยเริ่มเช่นกันกับเราหยอดเงินในกระปุกออมสินเหมือนกัน เช่นวันละครั้ง วันละหลายๆ ครั้ง ทำไปเรื่อยๆ วันหนึ่งเราก็จะร่ำรวยในสติได้เช่นกัน พวกเราปล่อยให้กิเลสสะสมมานานเกินไปแล้ว ขอให้นึกอยู่เสมอว่า ถ้าเรารู้สติหนึ่งครั้ง กิเลสก็หายหนึ่งครั้งเหมือนกัน