
คำว่า.. อนัตตา เป็นคำที่ได้ยินมาบ่อยมาก ตั้งแต่เด็กๆ เลยก็ว่าได้..
อนัตตา เป็นหนึ่งในสามของ ไตรลักษณ์ ซึ่งประกอบไปด้วย
อนิจจัง.. ความไม่เที่ยง
ทุกขัง.. ความเป็นทุกข์
อนัตตา.. ความไม่มีตัวตน
ได้ยินอย่างนี้มาตลอด.. อนิจจัง กับทุกขัง พอเข้าใจในความหมาย.. แต่.. อนัตตา ไม่เข้าใจจริงๆ กับความหมายที่ว่า ความไม่มีตัวตน..
เรายังต้องทานข้าว เรายังเดิน เรายังต้องดำรงค์ชีวิต แล้วการไม่มีตัวตน.. มันจะไม่มีได้อย่างไ

ร??
พอมาปฏิบัติธรรม ก็ได้ยินความหมายเพิ่ม ในส่วนของอนัตตา ว่า.. ความไม่มีตัวตน.. บังคับ ควบคุม สั่งการไม่ได้.. อือเริ่มพอเข้าใจ ในความหมายส่วนขยาย.. ความไม่มีตัวตนมันเกี่ยวกันตรงไหน..
จากฟังซีดี หลวงพ่อปราโมทย์.. แผ่นที่ 35-36 ท่านกล่าวถึง.. การบรรลุโสดาบัน ของ "อุปติสสะ" ด้วยการฟังธรรมจาก พระอัสสชิ ที่ว่า
"ท่านกล่าวบทอันลึกซึ้งละเอียดทุกอย่าง เป็นเครื่องฆ่าลูกศร คือ ตัณหา เป็นเครื่องบรรเทาความทุกข์ทั้งมวล ว่าธรรมเหล่าใด มีเหตุเป็นแดนเกิด พระตถาคตเจ้า ตรัสเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณะเจ้ามีปกติตรัสอย่างนี้"หลวงพ่อปราโมทย์ ท่านกล่าวถึงบ่อยมาก.. ฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ.. ยิ่งฟังยิ่งงงด้วยซ้ำ.. แต่(เอาอีกละ).. ท่านจะย้ำต่อไปอีกว่า เมื่อผลจะดับได้.. ปัจจัยต้องดับก่อน.. ผลจะเกิดขึ้นได้.. ต้องมีปัจจัยเกิดขึ้นก่อน.. (เห็นอะไรหรือยัง)

อยู่ดีๆ วันหนึ่ง.. ก็ถึงบางอ้อ (บางพลัดก็ได้นะ).. ก็ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีมีตัวตนอยู่แล้วนั่นเอง.. ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดจากเหตุจากปัจจัย.. ทำให้เกิดสิ่งเหล่านั้นขึ้นมา.. ซึ่งตัวเราเองก็เป็นผลที่เกิดจากเหตุจากปัจจัยนี้ด้วย.. มันไม่มีตัวเราตั้งแต่แรกแล้ว.. ดังนั้น เมื่อมันไม่มีตัวตน.. มันจึงบังคับไม่ได้.. มันจึงควบคุมไม่ได้ จึงเรียกว่า "อนัตตา" นั่นเอง
งงไหม.. เขียนเอง.. อ่านเองยังงงเลย.. แต่ไม่รู้จะบรรยายอย่างไร.. เพราะยิ่งเขียนก็ยิ่งเป็นสมมติบัญญัติ ไปเรื่อยๆ
ไม่นึกว่าแค่ฝึกรู้สึกตัว.. ไปเรื่อยๆ.. ความรู้ความเข้าใจ.. ในสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาให้เราเข้าใจขึ้นมาได้..
บางคนอาจจะเถียงว่า.. ที่พูดมาตั้งแต่ต้นก็ฟังซีดีหลวงพ่อมาตลอด.. แล้วดันมาสรุปว่าเข้าใจธรรมะ จากการรู้สึกตัว..
เอาอย่างไรดีละ.. ยกตัวอย่างก็แล้วกัน.. สมมติว่าเราจะไปสอบเข้ามหาลัย (เปลี่ยนดีกว่า เพราะตัวเองก็ Entrance ไม่ติดเหมือนกัน อิอิ).. สมมติว่าเราจะสอบคณิตศาสตร์ก็แล้วกัน.. มีเด็กสองคน.. ได้แนวข้อสอบมาแบบเนื้อๆ เด็กคนที่หนึ่งอ่านแนวข้อสอบแบบทุกตัวอักษรไม่มีคลาดเคลื่อน.. ขณะที่เด็กอีกคนหนึ่งอ่านแนวข้อสอบและลองทำแนวข้อสอบนั่นด้วย.. ขอแค่นี้นะ.. พอเห็นอะไรบ้างไหม..

ก่อนจบ.. ขอย้ำอีกทีนะครับ.. ว่าข้อความข้างบนนี้.. เป็นความเข้าใจส่วนตัว.. อาจจะผิดอย่างมหันต์อยู่ก็ได้ หรืออาจจะหลง.. ไปไหนแล้วก็ไม่รู้.. ความรู้ทางธรรมไม่ได้เกิดจากการท่องจำหรือความคิด แต่ต้องเกิดจาก.. จิตไปเห็นสภาวะธรรมนั้นเอง.. เข้าใจเอง.. เพราะฉนั้นความรู้ความเข้าใจครั้งนี้.. อาจจะโดนกิเลสหลอกอยู่ก็ได้นะครับ..