วันศุกร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
พระศาสดาของศาสนาพุทธ
แต่ในความเป็นจริง การกล่าวคำเหล่านั้น เป็นการตำหนิ พระศาสดาของศาสนาพุทธอยู่นะ ถ้าท่านเหล่านั้นยังคิดว่าเป็นชาวพุทธ หรือไม่ใช่ชาวพุทธ ควรรู้ไว้ว่า พระธรรมวินัย คือศาสดาของพระพุทธศาสนา ที่ต่อจากองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
สำหรับพระพุทธรูป ที่คนรุ่นหลังนำมาเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นการเข้าใจผิดกันว่าเป็น ตัวแทนของศาสนาพุทธ..
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเป็นผู้นำในการต่อต้านการกราบไหว้บูชา ขอพร จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่พอมาถึงชนรุ่นหลัง ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชาวพุทธ กลับกลายมาเป็นผู้นำในการกราบไหว้บูชา ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แทนที่จะปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าได้ทรงประทานไว้..
..แต่สิ่งใดที่เข้าใจผิด ก็ไม่ร้ายแรงไปกว่า เข้าใจผิดที่ว่า กายกับใจเป็นของเรานี้แหละ..
วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ไปทำงานที่ลาวกับการฟังธรรม
ช่วงนี้ต้องเดินทางไปทำงานที่เมืองหงสา ประเทศลาว ทุกเดือน..
เดินทางโดยเครื่องบินจากกรุงเทพ ไปลงที่น่าน ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แล้วต่อรถไปที่ด่านห้วยโก๋น จ.น่าน ประมาณ 3 ชั่วโมง แล้วต้องต่อรถเข้าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าหงสา สปป. ลาว อีกประมาณ 30 นาที และจากโครงการก่อสร้างไปทีเมืองหงสา อีกประมาณ15 นาที
เวลาที่เดินทางประมาณ 5 ชั่วโมง บวกกลับอีก 5 ชั่วโมง ทุกเดือน เป็นเวลาที่เสียไปเยอะเหมือนกัน..
การฟังธรรมะ ระหว่างเดินทางก็เป็นการฝึกให้จิต ได้คลอเคลียร์กับธรรมะ ไว้ก็ดีเหมือนนะ..ดีกว่านั่งเหมอให้จิตหลงไปหลงมาตลอดเวลา..
จิต มันเกิด-ดับ ตลอดเวลา
จิต.. หน้าที่ของจิตคือ รับรู้
ช่องทางที่จิตจะไปรับรู้.. ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
ซึ่งเกิดถ้า จิต มันไม่ได้ เกิด-ดับ แต่จิตมันวิ่งไป-วิ่งมา มันคงเหนื่อยน่าดู
ตาเห็นรูป จิตวิ่งไปทางตา.. แป๊ปเดียว มันสิ่งไปที่หูอีก ไปที่หูยังไม่รู้เรื่อง แอบหนีไปคิดอีกแล้ว..
แต่ก็เพราะจิต เกิด-ดับ เร็วมาก จนเราเข้าใจว่าจิต มันวิ่งไปวิ่งมา เลยมีความรู้สึกว่า จิตเมื่อตอนเด็กๆ กับจิตตอนนี้เป็น จิตดวงเดียวกัน..
แค่ได้เห็น เกิด-ดับได้บางครั้ง จะรู้สึกใจหายว่า จิตก่อนหน้านี้ได้ ตายจากเราไปแล้ว จะเกิดความรู้สึกเสียดาย หรือบางครั้งจะรู้สึกว่า ตัวเราได้ ได้ตายไปแล้ว..
การเห็นว่าร่างกาย มันเป็นภาระ ดูจะยอมรับได้ง่าย แต่การที่จะยอมรับว่า จิตมันเกิดดับตลอดเวลา ดูจะเป็นเรื่องที่ยากเหมือนกัน..
วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556
ยอมรับความจริงมากขึ้น
เกือบสองปีที่ผ่าน.. เห็นการเปลี่ยนแปลงในจิตในใจเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก.. ยอมรับความจริงได้มากขึ้น
ทำไมถึงบอกว่ายอมรับความจริงได้มากขึ้น..
ถ้าจากบทความที่ว่า..ขอยอมเพ่ง.. ดีกว่าหลงนาน
จะเห็นได้เลยว่า.. เมื่อเริ่มเห็น จิตตัวเองได้ สิ่งที่ยอมรับไม่ได้คือ ควบคุมจิตให้สงบไม่ได้ มันจึงเกิดการดิ้นรน ที่จะทำอย่างไรก็ได้ ที่จะควบคุมมันได้
พอดิ้นรนเรื่อยๆ เลยเกิดอาการยอมแพ้.. แต่ยังไม่ยอมรับนะ มันจะเกิดทางสองแพร่งขึ้นมา ว่าเลิกทำหรือลองทำต่อ..
ทำอะไรก็ผิด.. แต่ไม่ทำผิดกว่า..
เลยปฏิบัติต่อ.. สิ่งที่ได้คือจิตที่ตั้งมั่นเพิ่มขึ้น จะเริ่มเห็นว่าพอไม่ยุ่งกับมัน.. มันก็สงบได้เหมือนกัน..
ไม่ได้เขียน Blog มาเกือบ 2 ปี
จากบทความบล็อกเก่าๆ.. เห็นเลยว่า การปฏิบัติธรรม ทำอะไรก็ผิด..
ถ้าพูดจริงๆ.. เพิ่งรู้สึกถึงความแตกต่างระหว่าง ความหลงและรู้สึกตัว จริงๆ เมื่อประมาณ กลางปี 2555 นี้เอง..
คิดแล้วยังใจหายเลยว่า.. แล้วสองปีที่ว่าปฏิบัติธรรมมันไปหลงอยู่ไหนเนี้ย..
(ไม่รู้ว่าบทความนี้.. เมื่อกลับมาอ่านอีก อาจจะพูดแบบนี้อีกก็ได้มั้ง)